Saturday, March 29, 2008

9. ประสบการณ์เป็น Teaching Assistant ของพี่ๆ สมาชิกในพันทิป (pedagogy)

ผมตั้งคำถามไว้แบบนี้ครับ

อยากฟังประสบการณ์ TA ครับที่ต้องสอน มีวิชาเป็นของตัวเองเลยหนะครับ ถือว่ายากไหมครับ ยิ่งเราเป็นคนไทย แล้วต้องไปสอนคนเมกัน แล้วมีปัญหาอะไรไหมครับ มีข้อแนะนำไหมครับ

คือว่าตอนนี้ได้รับ TA offer ครับจาก 2 มหาลัย... มหาลัยนึงให้สอนตั้งแต่ปี 1 เลย อีกมหาลัยให้เริ่มสอนปี 2 (ปีหนึ่งเป็นติวเตอร์ + เรียน Approches to Teaching College Composition)

กังวลเรื่องสอนตั้งแต่ปี 1 นี่แหละครับ จะไหวไหม เลยอยากรู้หนะครับ ขอบคุณมากครับ





และนี่คือคำตอบที่ได้รับจากพี่ๆ ห้องไกลบ้านในพันทิป

จะไหวไหม?

ถ้าต้องทำ มันก็ไหวแหล่ะครับ (แต่ทำได้ดีเท่าไรนั้นเป็นอีกเรื่อง อิอิ)

ผมก็คิดแบบนี้เเหละ ตอนได้ offer ว่า จะทำได้ไหมน้า จะเอาอะไรไปสอน เพราะเราก็ไม่เคยสอนการเขียนกับเด็กฝรั่งมาก่อนเลยก่อนหน้านั้น ไม่เคย take course เกี่ยวกับการสอนการเขียนมาก่อนเลยด้วย ฯลฯ แต่ว่าพอไปทำจริงๆ มันก็ถูๆไถๆไปได้นะครับ

แต่ผมโชคดีตรงที่ว่าก่อนเปิดเรียน เค้าจะมี orientation ของวิชาที่จะสอนโดยเฉพาะเป็นแบบ 1 อาทิตย์เต็ม เค้าก็สอนตั้งแต่เริ่มทำ syllabus สอนตั้งแต่การออกแบบ assignment สอนการตรวจเปเปอร์ ฯลฯ ก็ทำให้เรารู้ว่าอย่างน้อยๆ คนอื่นๆเขาทำกันอย่างไรอ่ะครับ ก็เลยโชคดีไป

แต่จริงๆแล้วไปสอน freshmen นี่ก็ไม่แย่มากนะครับ คือ เด็กเมกันจะเขียนคล้ายๆภาษาพูดมากกว่า เช่น "...Well, I think that....if you..." ประมาณนี้ คือเด็ก american ไม่คุ้นกับ academic writing อ่ะครับ

สิ่งที่ต้องเตรียมตัวก็คือ หาบทอ่าน (เพราะเราสอน writing ที่มีพื้นฐานจากบทอ่านทางวิชาการ ไม่ใช่สอนแบบ What did you do in your childhood ทำนองนั้น) เพราะฉะนั้นก็หาบทอ่านที่เป็นแนวของเรา และมัน apply ได้ในชีวิตประจำวัน เพื่อเอามา discuss กันในห้อง เช่น บางคนชอบ Foucault บางคนชอบ Barthes บางคนชอบเกี่ยวกับทางภาษา เช่น การใช้ accent แทนตัวละครในการ์ตูน Disney ซึ่งเด็กอเมกันน่าจะชอบเรื่องพวกนี้ ฯลฯ

ปัญหา คือ ต้องเตรียมตัวเยอะหน่อยสำหรับเทอมแรก และถ้ายังไม่คุ้นกับการตรวจงาน อาจจะตรวจงานไปจนไม่มีเวลาทำอย่างอื่นที่ต้องทำอ่ะครับ ถ้าสอน 2 sections ก็น่าจะ 30 คน นี่ก็เยอะพอดูเลยแหละ ผมสอนแค่ 23 ยังนั่งตรวจงานเป็นวันเลย (ช่วงเเรก) เพราะมัน class การเขียนใช่ป่ะครับ ก็ต้องอ่านเยอะหน่อย แต่ตอนหลังก็ตรวจเร็วขึ้น เพราะจะดูเฉพาะบางจุดที่สำคัญๆ ไม่ได้ดูทุกจุด ซึ่งจริงๆมันไม่จำเป็นอยู่แล้ว

ปรกติเวลาเค้าสอน writing เค้าจะมี theme ของ class อ่ะครับ เพื่อควบคุมให้บทอ่าน การวิพากษ์ในห้องเป็นไปอย่าง theme นั้น แล้วแต่ถนัด เช่น ผมชอบเรื่องภาษา ผมก็จะเป็นเกี่ยวกับ "Representing races, genders, and cultures in Disney Films" อะไรก็ว่าไป เอาที่เราถนัดแล้วคิดว่าเด็กจะชอบอ่ะครับ

ผมว่าสิ่งที่จะต้องมีคือ ไหวพริบ หรือ ความรู้รอบตัวที่กว้างหน่อย มีไหวพริบในการโต้กลับกับเด็ก บางทีเด็กไม่เห็นด้วย เราก็ต้องฝึกเด็กโดยต้องโต้กลับให้ได้ หรือ ถามกลับให้คิดอ่ะครับ แต่การจะโต้กลับได้มันก็ต้องรู้เรื่องนั้นๆอย่างดีใช้ได้เลยใช่ป่ะครับ ผมถึงให้เลือกหัวข้อที่เราถนัดและรู้มากไงครับ

สื่อการสอนก็ใช้ได้นะครับ วิดีทัศน์ ดีวีดี ละคร รายการทีวี อินเตอร์เน็ท ห้องสมุด ก็พยายามให้เด็กฝึกๆใช้เพื่อเป็น springboard ในการนำไปสู่เนื้อหาบทเรียนหรือนำไปสู่ assignment ที่จะให้เด็กทำ

เอาเท่านี้ก่อนแล้วกันครับ

จากคุณ : texanprofessor (krisdauw)



เคยได้สอนเด็กปอโทครับ สมัยอยู่เยอรมัน วิชาปีหนึ่งของเด็กปอโท ผมเป็นติวเต้อสอน introduction to finance เนื้อหาอาจารย์ให้จัดตามที่ตัวเองอยากสอน หลักๆผมจะเข้าไปนั่งฟังเลคเช่อ แล้วดูว่าเลคเช่ออาจารย์ขาดอะไรบ้าง ขาดอะไรในที่นี้หมายความว่าส่วนไหนที่ผมมองแล้วว่าไม่เคลียร์ นักเรียนไม่เข้าใจแน่ๆ ก้อจะดึงตรงนั้นมาสอน ในเคสของผมนั้นผมมองว่าอาจารย์สอนแบบเน้นformality และ rigorมากไป (หมายถึงว่า อธิบายคำจำกัดความ และเนื้อหาต่างๆ โดยที่ไม่บอกเด็กว่าทฤษฎีเหล่านี้มีไอเดียมาจากอะไร) เวลาอาจารย์เขียนพรูฟต่างๆ ก็ไม่ได้บอกโครงสร้างและสเต็ปต่างๆให้ชัดเจน สิ่งที่เด็กจะขาดไปคือการมองภาพรวมของทฤาฎีให้ออก เพราะงั้นผมมองว่าส่วนนึ้คือส่วนที่การสอนของอาจารย์ขาดไป ผมก็มาเติมตรงนี้ ค่อยๆไล่ไป ว่าภาพรวมอยู่ตรงไหน แล้วทำไมเราต้องมานั่งเรียนสิ่งเหล่านี้

การสอนตรงนี้ถือว่าค่อนข้างประสบความสำเร็จ เด็กเดินเข้ามาบอกหลายคนว่าชอบ เพราะว่าการที่เราบอกเขาว่าเนื้อหาเหล่านี้ทำอะไรได้บ้าง ทำไมต้องมานั่งเรียน ทำให้เขารู้สึกว่าเขาได้มีmotivationในการเรียนที่แท้จริง

ส่วนที่ต้องปรับปรุงคือ ผมสอนผิดเยอะไปพอสมควร ผิดโดยไม่รู้ตัว เมื่อตัวเองต้องมานั่งเรียนปอเอกเรื่องพวกนี้ทำให้เรารู้ว่าลึกๆแล้ว สิ่งที่เคยอธิบายไปนั้นไม่จริงเสมอไป ซึ่งตอนที่สอนนั้นเราไม่รู้

เทคนิคอย่างหนึ่งที่ผมทำคือผมจะเขียนสไลด์ไปก่อน จะไม่มาเขียนบนกระดานไป อธิบายไป เพราะตอนไปสอนครั้งแรกเสียสมาธิมากๆ ผมเป็นคนทำสองอย่างในเวลาเดียวกันไม่ได้ จะพูดก้อพูด จะเขียนก้อเขียน ซึ่งช่วยได้เยอะมากๆ เพราะเวลาที่ตัวองต้องอธิบาย พอไม่ต้องมาเขียน ก็จะมีสมาธิถ่ายทอดออกมาได้เป็นระบบยิ่งขึ้น คือ พอสมาธิดี ก้อเรียบเรียงคำพูดได้ดีขึ้นนั่นเอง

จากคุณ : บุ้ง (B Oprysk



ตอนนี้เป็น Totur อยู่เหมือนกันค่ะ แต่เคสเราสอนเด็กสิงคโปร์ ตอนแรกก็ประหม่ามาก เพราะเรามันไก่กามากๆ แต่ก็อาศัยว่าฟังจากในห้องบรรยายรวมมา แล้วเอามาคุยกับเด็กๆในห้องเล็กของเรา เราใช้อีเมลเข้ามาช่วยค่ะ คือ พอเรียนเสร็จเราก็ทำเป็นแบบweekly email ส่งออกไป แล้วก็สั่งให้เขียน โดยเรากำหนดหัวข้อให้ เอาแค่หน้าเดียว(เราต้องทำคะแนนเข้าห้อง กับคะแนนความมีส่วนร่วม เด็กไม่ค่อยพูดเลยต้องให้เค้าทำงานมาส่งด้วย)

ตอนนี้สอนมาได้แล้ว 5 ครั้ง ที่ผ่านมาก็โอเค นักเรียนเราน่ารัก ตอนนี้กลายเป็นชอบสอนไปเลย

พูดถึงเรื่องทำเกรด ที่นี่ไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่ เพราะทุกอย่างจะมีเกณฑ์มาให้หมดว่า อันนี้ได้เท่านี้ๆๆ ตัดคะแนนอย่างนี้ๆ ก็ทำตามที่เค้าสั่ง ก็ยังไม่มีปัญหาอะไรค่ะ

จากคุณ : Semangka



Hi Khun เมื่อลมแรง...ใบไม้ก็ร่วง, Khun บุ้ง and Khun krisdauw gave very good suggestions above. I am still learning how to teach even though I am a professor now. As K. krisdauw and Nong บุ้ง used to share with me on this webboard, being well-organized is a must. My suggestion is being well-prepared for class. To me, it takes 2-3 days to prepare for lecturing 1-2 hours. It has been better in terms of materials and tecniques when I teach the same course for second/third time. Now, I can see how students react with the materials and my style and improve my performance.

To me, the most difficult thing is to balance between those who are slow and fast learners. I tried to scan and evaluate their learning styles as I teach so that I can adjust the level of materials and speed through out the course. These styles can be adjusted; but try to stick with your syllabus in terms of materials and assignments through out the course, ortherwise the students will complain for a suddenly changed policy even though we try to adjust for them.

It is good that they give you a chance to teach when you are a doctoral student; otherwise it will be hard when you become a professor coping with both teaching and research at the same time. Good luck to you anyway.

Hello to Nong บุ้ง and K. krisdauw. How have you been? I got better teaching evaluation last semester, but still have more points to go. I have a new course again in this semester. Too much preparation and too little research time. But, I learn. Tenure may be far away from me.... and I hope I will make it...

จากคุณ : A 100% Positive



Source: http://www.pantip.com/cafe/klaibann/topic/H6433774/H6433774.html